TOP 5: 5 เกมพีซีที่ย่ำยีลูกค้า

การมาถึงของระบบ Steam ทำให้นักเล่นเกมได้มีโอกาสสัมผัสกับเกมใหม่ๆ ที่น่าสนใจมากมาย เรามีเกมเด่นเกมดังดีๆ ให้เลือกซื้อนับร้อยผ่านระบบ แต่ท่ามกลางเกมจำนวนมหาศาลเหล่านี้บางครั้งเราก็จะได้พบกับ “ผลงาน” ที่เหมือนว่าทีมพัฒนาและผู้สร้างจะตั้งใจทำออกมาเพื่อ “ปล้น” และย่ำยีหัวใจของเกมเมอร์ที่ยอมเสียเงินสนับสนุนซื้อมันมา



Godus
คุณ Peter Molyneux เปิดตัวเกมที่มีชื่อว่า Godus พร้อมระบบสุดเทพที่เค้าสัญญา เกมเมอร์ทั่วโลกก็เฝ้ารอคอยที่จะได้สัมผัสผลงานชิ้นนี้ Godus ถูกสัญญาไว้ว่าจะเป็นเกมออนไลน์แนวเทพเจ้าที่สนับสนุนระบบผู้เล่นหลายคนทั้งแบบ Multiplayer และ Co-Op มีโลกที่แปลสภาพไปมาตามการเล่นของผู้เล่น หลังเวลาผ่านไป 30 เดือนกับทุนสร้างอีกเกือบ 30 ล้านบาท Molyneux ออกมาประกาศว่าไม่เหลือทีมงานคนไหนที่กำลัง “พัฒนา” เกมนี้อยู่อีกแล้ว สุดท้าย Molyneux จะออกมาโทษผู้สนับสนุน ว่าทำให้เขาโฆษณาตัวเกมออกไปเกินจริงเพื่อจะได้เงินมาทำเกมแล้วทิ้งโครงการนี้ให้ผู้โชคร้ายรายอื่นมาสานต่อแทน




Towns
ด้วยไอเดียที่น่าสนใจ Towns วางขายในราคา 15$ ผ่านระบบ Steam ในช่วงก่อนที่จะมีระบบ Early Access และหาเหยื่อไปได้ถึง 2 แสนราย เกมเมอร์คาดหวังกับผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ แต่กลับพบว่าตัวเกมนั้นยังพัฒนาไม่เสร็จและอยู่ในระยะ Beta เท่านั้น ระบบต่างๆ ที่ทีมพัฒนาสัญญาไว้ไม่ปรากฏตัวในเกม และสุดท้ายทีมพัฒนาก็ตัดสินใจว่านี่คือผลงานที่เสร็จสมบูรณ์แล้วและทิ้งการพัฒนาตัวเกมไปหน้าตาเฉย ทีมพัฒนายังกล้าเข็นเกมใหม่ออกมาอีกเกมพร้อมสัญญาว่านี่แหละคือ Towns ในแบบที่มีระบบและลูกเล่นต่างๆ ครบถ้วน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงจะหาคนตกหลุมเดิมอีกครั้งได้ยาก




Earth: Year 2066
Earth: Year 2066 มาพร้อมคำสัญญาถึงเกม Multiplayer ในโลกหลังการล่มสลายซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากเกมอย่าง Fallout และ Half-Life 2 และมีระบบสภาพแวดล้อมและช่วงเวลากลางวันกลางคืน (มาถึงตอนนี้คุณน่าจะเริ่มจับทางได้ว่าเจ้าเกมพวกนี้มักจะอ้างถึงเกมดังในอดีตเสมอ) ผลปรากฏว่า Earth: Year 2066 นั้นไม่น่าจะเรียกว่าเป็น “เกม” เลยได้ด้วยซ้ำ ตัวเกมมีหลายส่วนที่ถูกขโมยมาจากแหล่งอื่น การเสียเงินซื้อเกมนี้ก็เหมือนกับการสั่งซื้อมือถือและสิ่งที่ถูกส่งมาให้คุณดันเป็นก้อนหินที่ถูกยัดใส่กล่อง EMS นั่นเอง สุดท้ายตัวเกมก็ถูกถอดออกจาก Steam ไปตามระเบียบ




Spacebase DF-9
Double Fine เป็นทีมพัฒนาเกมที่เป็นที่รักของเกมเมอร์ทั่วโลกด้วยผลงานที่ได้คุณภาพและผ่านการยอมรับหลายชิ้น แน่นอนว่าเมื่อทีมสร้างชื่อดังขนาดนี้ประกาศเปิดตัวเกมอย่าง Spacebase DF-9 ผู้คนต่างกันเทใจเทเงินออกมาสนับสนุนอย่างล้นหลาม แต่เมื่อตัวเกมถูกพัฒนาและปล่อยออกมาให้เล่นได้สักพัก Double Fine กลับตัดสินใจว่าตัวเกมไม่คุ้มค่าที่จะพัฒนาต่อไป Version 1.0 คือตัวเกมตัวสุดท้ายที่ถูกปล่อยออกมาก่อนที่ Double Find จะปล่อย Source Code ของเกมและบอกให้แฟนๆ ไปพัฒนาเกมต่อกันเอาเอง เป็นการทรยศหักหลังครั้งยิ่งใหญ่ที่ทำให้แฟนๆ Double Fine ต้องจดจำไปอีกนานแสนนาน




Journey of the Light
ขณะที่เกมอื่นๆ ที่เล่ามานั้นอาจจะฟังดูแย่ แต่ Journey of the Light นั้นเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดผลงานที่พัฒนาการ “โกง” ไปอีกขั้น Journey of the Light เป็นเกมแก้ปริศนาที่สัญญาไว้ว่ามีความยาวถึง 8 ด่าน แต่ไม่ว่าผู้เล่นจะพยายามขนาดไหนก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะปริศนาและไปจนถึงด่านที่ 2 ได้สำเร็จ จนกระทั่งความจริงถูกเปิดเผยว่าตัวเกมนั้นไม่มีด่านอื่นๆ อยู่เลยด้วยซ้ำ และผู้พัฒนาก็ทำด่านแรกให้ไม่มีทางแก้ปริศนาได้สำเร็จ เกมเมอร์เจาะลึกเข้าไปในไฟล์ตัวเกมและพบว่าทั้งเกมมีอยู่ด่านเดียว สุดท้าย Steam ก็ตัดสินใจยอมให้เกมเมอร์ทั้งหมดที่หลงกลครั้งนี้ขอคืนเงินได้เต็มจำนวน




ณัฐวุฒิ อภิวัฒน์วรากุล
– บทความจากนิตยสาร Future Gamer Iss 227
ที่มา tech.online-station.net